Precision Health

โรคหัวใจ ที่เราไม่ควรนิ่งนอนใจ



โรคหัวใจ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยสูง เป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็ง (จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจขาดเลือด เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน)

สำหรับอาการที่บ่งบอกของโรคนี้ได้แก่ เหนื่อยง่ายขณะออกกำลังกาย มีอาการเจ็บหน้าอกขณะออกแรง หรือ หายใจลำบาก ดังนั้นบุคคลที่มีอาการเหล่านี้ ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุให้แน่ชัด

วิธีตรวจสุขภาพหัวใจนั้นมีมากมายหลายประเภท ซึ่งการเลือกวิธีการตรวจที่เหมาะสม ก็ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย และดุลยพินิจของแพทย์

วันนี้กระผมจึงขอยกตัวอย่าง วิธีการตรวจสุขภาพหัวใจ ที่โรงพยาบาลใช้กันบ่อยๆ ให้ทุกคนได้ทราบกัน ดังนี้

1. การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography; EKG, ECG) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ดูจากกระแสไฟฟ้าที่หัวใจผลิตออกมา ขณะหัวใจหดและคลายตัว
เหมาะสำหรับ การตรวจเพื่อหาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หาสิ่งผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ หาความผิดปกติของระดับเกลือแร่ของร่างกาย

2. การตรวจคราบหินปูนในหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT calcium scoring) เป็นการตรวจวัดระดับแคลเซียม หรือ คราบหินปูน ที่ผนังหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 40-45 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน และโรคอ้วน ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

3. การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย หรือ วิ่งสายพาน (Exercise Stress Test: EST) เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ขณะออกกำลังกายด้วยการวิ่งสายพาน เพื่อตรวจสอบว่า ขณะที่ร่างกายต้องออกแรงอย่างหนักนั้น กล้ามเนื้อหัวใจมีการขาดเลือดหรือไม่
เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

4. การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram: Echo) เป็นการตรวจเพื่อดูการเคลื่อนไหวของหัวใจ การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ รูปร่างและความหนาของหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจว่ามีลักษณะตีบหรือรั่วหรือไม่ ตรวจภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ภาวะหัวใจโต

5. การตรวจหาความผิดปกติของยีน ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดทางพันธุกรรม เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไป ที่ต้องการรู้ถึงความเสี่ยงทางด้านพันธุกรรมของตนเอง หรือ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดมาก่อน หรือผู้ที่เคยมีคนในครอบครัวเสียชีวิตเฉียบพลันที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ

🧬การตรวจหาความผิดปกติของยีนที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ควรได้รับคำปรึกษาจากผู้ที่เชี่ยวชาญทั้งก่อนการตรวจ และหลังได้รับผลตรวจเสมอ เพื่อที่ผู้ใช้บริการจะได้มีความเข้าใจในผลการตรวจได้อย่างถูกต้อง อันจะนำไปสู่การวางแผนปฏิบัติตัวที่เหมาะสม

**ทั้งนี้มีอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ เนื่องจากไม่มีสัญญาณเตือนเป็นอาการแสดงใด ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตัวเองเป็น ดังนั้นผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 - 40 ปีขึ้นไป ควรหมั่นตรวจเช็กสุขภาพหัวใจเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ควบคู่กับการตรวจสุขภาพประจำปี

สนใจตรวจเช็คยีน ที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด ติดต่อได้ที่
Tel : 093-159-9599
Inbox : http://m.me/InvitaeThbyPrecisionHealth
Line : @precisionhealth
 

By adminph Posted 2023-01-05 00:00:00

ค้นหาบทความ


บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง